Tag Archives: งานปิดทองหลังพระ

ปรู๊ฟสตอรี่ : เมื่อฉันมีเด็กฝึกงาน (2)

 

หลังจากน้องฝึกงานทั้ง 2 คน ผ่านการฝึกงานมาได้ 2 เดือนกว่า
พี่ปรู๊ฟแบบเราก็รู้สึกดีนะที่น้องๆ ช่วยงานได้ดี แม้จะยังมีที่ผิด
ซ้ำซาก ผิดแล้วผิดอีกที่เดิม คำเดิม ที่จำไม่ค่อยได้ บางครั้งฟัง
แต่ก็ไม่จด ก็ทำให้พี่สายเคร่งแบบเราหงุดหงิดบ้าง แต่ก็ไม่เคย
ดุว่าหรอก เพราะเดี๋ยวเราก็ไม่เจอกันแล้วนะจ๊ะ น้องๆ จะได้ไม่ต้อง
ให้พี่คอยแก้ คอยบอก คอยอธิบายแล้ว แต่ระวังเหงาหูนะเทอว์

สำหรับประเด็นที่จะเขียนวันนี้เกี่ยวกับการฝึกงานของนักศึกษา
ไม่เฉพาะกับที่บริษัทเราหรอก แต่ทุกที่นั่นแล
คือเรื่องของ “การติดมือถือ” “ติดคนในมือถือ” “ติดโซเชียลเน็ตเวิร์ก”
ทั้งหลายแหล่ และการไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน

ถ้างานที่ทำไม่ได้ต้องยุ่งเกี่ยวกับมือถือมากนัก
ก็พักสายตาจาก “หน้าจอ” มือถือ สนใจสิ่งรอบตัวบ้างก็ดีนะจ๊ะ
ถ้ามัวแต่ก้มกดมือถือ ไม่สนใจใคร มันดูไม่ดีหรอก
แล้วเวลาทำงาน ก็ไม่ใช่ว่าชอบลุกไปคุยโทรศัพท์ถี่ๆ ติดกัน
ลุกบ่อยๆ ชาวบ้านจะหาว่าอู้!! มันมีคนชอบจับผิดแบบนี้จริงๆ นะ
ในทุกบริษัทแหละ โดยเฉพาะงานที่มันมีช่องว่างให้เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
เช่น งานปรู๊ฟข่าว สิ่งที่พี่จะแนะนำคือ อยากอู้ ต้องอู้ให้เนียนๆ
ไปเข้าห้องน้ำนานๆ สิ! (ตึกโป๊ะ! น้องบอกกูทำอยู่) ไม่ใช่ละ…

ตลกมั้ย? ไม่ตลกสินะ สิ่งที่พี่อยากบอกก็คือ
ไปทำงานที่ไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงด้วย
ไม่ใช่แค่แต่ตัวเอง แต่ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย
กับเพื่อนร่วมงานในแผนก เพื่อนที่นั่งทำงานด้วยกันนั่นแหละ
อย่าเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ทำงานก็ทำให้เต็มที่
ไม่เอางานนอกมานั่งทำ ไม่แคร์ใคร บางบริษัทเค้าใจดี
ปล่อยคนแบบนี้ไว้ แต่บางบริษัทก็ไม่ได้ใจดีให้พนักงานมา
นั่งอู้งาน ทำงานอื่น หรือแชตตลอดเวลา
ลองอ่านข่าวนี้เป็นอุทาหรณ์
http://www.thairath.co.th/content/479592
แชตเวลางาน โดนไล่ออกได้ทันที

หรือบริษัทมีเวลาพักให้ 1 ชม. ก็ควรพักตามนั้น
อาจเกินบ้างนิดหน่อย นานๆ ครั้งที่มีธุระ
คนโน้นคนนี้ฝากซื้อของกิน บางบริษัทก็ไม่ได้เคร่งมาก
แต่กฎบางอย่าง ถ้าเราทำได้ดี เราก็รู้แก่ใจใช่ไหมว่าเราทำดี
บางครั้งความดีที่เราทำอาจไม่มีใครเห็น
แต่มันก็น่าภูมิใจไม่ใช่เหรอ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
ที่เรารู้แก่ใจว่าเราทำดี

งานบางอย่างมันเป็น ‘งานปิดทองหลังพระ’
ถ้ามีแต่คนปิดทองหน้าพระ แล้วหลังพระจะงดงามได้อย่างไร
“งานปรู๊ฟ” หรือ “งานพิสูจน์อักษร” ก็เป็นงานปิดทองหลังพระ
งานหนึ่งนะคะ หวังว่าเมื่อน้องๆ ได้ฝึกงานจบไป
จะเข้าใจประเด็นนี้ด้วย พิสูจน์อักษรต้องตรวจงานให้เนี้ยบ
อย่าให้มีผิด ถ้าพลาดไปนิดเดียว ก็จะโดนตำหนิ
แต่ถ้าตรวจถูกหมด มันก็ไม่ได้มีความดีปรากฏ
แต่มันน่าภูมิใจจะตาย ที่ไม่มีใครตำหนิเราได้

อีกไม่กี่สัปดาห์ น้องๆ ก็จะฝึกงานจบแล้ว
หวังว่าจะได้ข้อคิด หรืออะไรกลับไปจากการทำงาน
มากกว่ารายงานที่ต้องทำส่งอาจารย์นะคะ

ขอให้โชคดีกับชีวิตการทำงานค่ะ.

ปรู๊ฟสตอรี่ : เมื่อฉันมีเด็กฝึกงาน

ปรู๊ฟสตอรี่, สตอรี่ ออฟ ปรู๊ฟ, ปรู๊ฟ อิส มาย ไลฟ์ พอ!!!

บล็อกตอนนี้ขอนำเสนอ เรื่องการมีเด็กฝึกงานจ้ะ อิอิ
จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะในองค์กรหลายแห่ง ก็มีนโยบาย หรือโครงการรับเด็กมาฝึกงานกับบริษัทอยู่แล้ว ที่รู้สึกตื่นเต้นก็คือ เราได้มีส่วนฝึกเด็กฝึกงานไงล่ะ!!
เราเข้าใจเด็กๆ ที่มาฝึกงานนะว่าจะต้องตื่นเต้น ต้องกลัวทำ
นู่นทำนี่พลาด หรือทำอะไรไม่ถูกใจพี่ๆ ก็อาจไม่ผ่านงานได้
แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดร้ายแรง เกเร ขาดงาน
มาทำงานสายตลอด ก็ไม่น่ามีปัญหาถึงขั้นไม่ผ่านงาน
เพราะถ้าฝึกไม่ผ่าน ก็แปลว่าเรียนไม่จบน่ะสิ…

จริงๆ เราเคยได้ฝึกเด็กมาแล้ว เมื่อช่วงต้นปี 2014
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เรามีเด็กฝึกงานในแผนกปรู๊ฟเว็บไซต์ข่าวออนไลน์
แห่งหนึ่ง ตอนนั้นมีเด็กทั้งหมด 3 คน มาจากสถาบันเดียวกัน
เรียกว่าเป็น 4 เดือนที่สนุกมาก เพราะเราชอบฝึกเด็ก และ
ชอบอธิบายความรู้ภาษาไทยที่เรารู้ให้มากที่สุด เรียกว่ามีอะไรบอกได้
สอนได้ เราก็จะอธิบายไปไม่ยั้ง ตรวจผิดคำไหน เราก็จะชี้ให้เห็นข้อผิดพลาด
แก้ไขกันไปจนกว่าจะจดจำได้

คำฟุ่มเฟือย คำตกหล่น ตัวย่อ หน่วยงาน ฯลฯ และถ้าใช้เวลาตรวจนานมากเกินไป แล้วยังเจอผิด เราก็จะจี้ แอนด์จิก เพราะงานออนไลน์ ช้ามากไปก็ไม่ดี
บางข่าวก็ต้องรีบเอาขึ้น เป็นต้น แล้วงานตอนช่วงบ่าย จะเป็นช่วงที่มีข่าวเยอะมาก ก็ได้น้องๆ นี่แหละที่มาช่วย  ฝึกจนมีเด็กประทับใจ บ่นคิดถึงตอนฝึกงานอยู่เสมอ
ปัจจุบันยังติดต่อพูดคุยกันในเฟซบุ๊ก วันที่น้องฝึกชุดนั้นฝึกงานวันสุดท้ายนี่ใจหายมาก กอดลาเลยทีเดียว ปัจจุบันไม่มีใครทำงานปรู๊ฟ
แต่เราเชื่อว่าน้องจะต้องได้อะไรสักอย่างจากการฝึกงานครั้งนั้นไม่มากก็น้อย

เรากล้าพูดเต็มปากว่า น้องทำงานดีกว่าปรู๊ฟบางคนที่เราทำงาน
ด้วยซะอีก

กลับมาเรื่องเด็กฝึกงานต่อ เริ่มปี 2015 ก็มีเด็กฝึกงานชุดใหม่มา 2 คน
เป็นรุ่นน้องของเด็กฝึกงานสามคนเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งเริ่มฝึกได้ 4 วัน เข้างาน 08.30-17.30 น. ก็ดูเรียบร้อยดี และเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือ พูดเล่มไหนก็รู้จัก มีคนหนึ่งอยากทำงานเป็นพิสูจน์อักษรเลยทีเดียว อยากทำงานเกี่ยวกับหนังสือ ทำงานในสำนักพิมพ์ คุยไปคุยมา เอ๊ะ นี่มันเหมือนเราสมัยเพิ่งเรียนจบเลยนี่หว่า เราแค่อยากทำงานที่ได้อยู่ในแวดวงหนังสือ (จริงๆ ก็ใกล้เคียง เพราะเราทำงานกับหนังสือ (พิมพ์) เวอร์ชั่นออนไลน์)

แบบนี้ค่อยทำให้คนเป็นพี่ฝึกงานรู้สึกดีหน่อย เพราะถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือ
มันก็จะฝึกได้ช้า เพราะไม่มีคลังคำในหัว การได้อ่าน ได้เจอบางคำซ้ำๆ บ่อยๆ
จะทำให้เรามีคลังคำ และจำได้เอง บางคำที่สงสัยก็ต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อให้จำได้ หรือบางชื่อ บางสถานที่สะกดแปลกๆ ก็ต้องเสิร์ชหาข้อมูลจากเว็บที่เชื่อถือได้
และก็ต้องเตือนไว้เสมอว่า google ไม่ได้ทำให้เจอข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไปนะจ๊ะ

อย่างล่าสุดที่เพิ่งเจอกับตัว นักข่าวเขียนนามสกุล ของ อดีต ส.ส. ผิด ชื่อของเค้าคือ  พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ แต่นักข่าวใส่มาว่า พลภูมิ วิบัติภูมิประเทศ… เราอ่านก็สงสัย คนอะไรจะใช้นามสกุลความหมายไม่มงคล (วะ) วิบัติ เนี่ยนะ…ก็เลยหาข้อมูลแล้วเจอว่า เค้านามสกุล วิภัติภูมิประเทศ.. อะไรที่ช่วยแก้ได้ ก็ต้องช่วย ผิดทีก็โดนตำหนิ นี่แหละชีวิตปรู๊ฟ

เวลาที่เจอน้องฝึกงานไม่รู้การใช้คำว่า อาทิ, เช่น เลือกใช้แค่คำเดียว เพราะมีความหมายเหมือนกัน เราก็จะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเป็นเบสิก ถ้าเรียนวิชาภาษาไทยมา แต่เราก็จะอธิบายไปด้วยความเต็มใจ บางทีเราก็คิดนะว่า เราเป็นพี่สายโหดหรือเปล่า แต่เราก็แค่รู้สึกว่า นี่แค่เริ่มต้นชีวิตเท่านั้นน้องเอ๋ย หากไปทำงาน จะได้เจอคนหลากหลายรูปแบบ อาจเป็นเพื่อนร่วมงานเฮงซวย ศัตรู คนเลื่อยขา คนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้
คนขี้อิจฉา คนขี้เม้าท์ คนชอบใส่ร้าย ฯลฯ หรืออะไรก็แล้วแต่ บลา บลา บลา ทุกคนไม่ได้โชคดี ได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานตลกๆ สนุกสนาน ช่วยเหลือกัน เหมือนในละครแอบรักออนไลน์เสมอไป ดังนั้น การฝึกงาน คือย่างก้าวแรกของชีวิตหลังเรียนจบเท่านั้นเอง
และขอต้อนรับสู่โลกของผู้ใหญ่ที่แท้จริง

พบกันใหม่กับเรื่องเด็กฝึกงานในตอนต่อไป 🙂